ดังที่เราได้กล่าวไปแล้วว่าเทรดเดอร์แต่ละคนสามารถเข้าถึงฟอเร็กซ์ได้ผ่านทางโบรกเกอร์หรือบริษัทที่ดูแลการซื้อขาย เทรดเดอร์ได้รับเงินจากการเก็งกำไรสกุลเงิน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือพวกเขาปิดสถานะในราคาที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับราคาช่วงเปิด บางครั้งการซื้อขายฟอเร็กซ์ก็เหมือนกับการก้าวกระโดดไปในความมืด ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การซื้อขายนั้นๆ คุณสมบัติของเทรดเดอร์และความสามารถในการควบคุมอารมณ์และตัดสินใจอย่างชาญฉลาดเป็นหนึ่งในกุญแจสู่ความสำเร็จ

บริการโบรกเกอร์ในตลาดฟอเร็กซ์ถือได้ว่าเกือบจะเป็นธุรกิจที่ปราศจากความเสี่ยง การซื้อขายส่วนเพิ่มไม่อนุญาตให้เทรดเดอร์ใช้จ่ายเงินมากกว่าที่มีอยู่ในบัญชีของตนเอง นอกจากนั้นหลักการนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เทรดเดอร์กู้ยืมเงินจากโบรกเกอร์

เราทราบอยู่แล้วว่าสัญญาในตลาดฟอเร็กซ์จะดำเนินการในระดับระหว่างธนาคาร ตัวกลางมีบัญชีธนาคารอยู่หลายสกุลเงิน ธนาคารแห่งหนึ่งจัดหาใบเสนอราคาให้กับบริษัทนายหน้า ซึ่งบริษัทแห่งนี้จะส่งไปให้กับลูกค้า ตามกฎแล้วราคาสุดท้ายจะแตกต่างจากราคาเริ่มต้นเล็กน้อยเนื่องจากขนาดสเปรดที่สูงเกินจริง

สิ่งนี้ช่วยให้คนกลางสามารถสร้างรายได้จากส่วนต่างของสเปรดได้ เนื่องจากข้อตกลงระหว่างธนาคารมีผลกำไรมากขึ้น ตัวอย่างเช่นธนาคารแห่งหนึ่งให้รายละเอียดราคาซื้อขายของคู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและเยน (USD / JPY) กับโบรกเกอร์แห่งหนึ่งที่ 104.75 / 104.77 โดยมีสเปรด 2 pip โบรกเกอร์เพิ่มสเปรดได้ถึง 4 pip และเสนอราคาตามนี้ต่อลูกค้า 104.74 / 104.78 ลองจินตนาการดูว่าเทรดเดอร์เปิดข้อตกลงระยะสั้น (การขายเงินดอลลาร์สหรัฐ) ในจำนวน 1 ล็อตซึ่งมีมูลค่า 100,000ดอลลาร์ (ควรทราบว่า 1 ล็อต InstaForex คือ 10,000 ดอลลาร์ซึ่งน้อยกว่าล็อตมาตรฐาน 10 เท่า) ดังนั้นเทรดเดอร์จึงขายเงินดอลลาร์สหรัฐในราคา 104.74 เยนต่อหนึ่งดอลลาร์ ดังนั้นจึงมีความแตกต่างดังต่อไปนี้ 100,000 * (107.75-104.74) = 1,000 เยนญี่ปุ่น เงินจำนวนนี้จะแปลงตามอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างธนาคารและเป็นจำนวน $ 1,000 / 104.77 = $ 9.54

เงินจำนวนนี้เป็นกำไรที่รับประกันของบริษัทนายหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งโบรกเกอร์จะได้รับเงินจำนวนนี้เมื่อเทรดเดอร์ทั้งเปิดและปิดตำแหน่ง มันทให้โบรกเกอร์ได้รับเงินประมาณ 19ดอลลาร์ จากสัญญาเดียว และหากบริษัทนายหน้าให้บริการลูกค้าหลายพันรายที่ทำสัญญาหลายครั้งในแต่ละวัน รายได้ต่อวันของบริษัทนายหน้าจะสูงถึงหลายแสนดอลลาร์สหรัฐ! อย่างที่เราเห็นได้ว่านี่เป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้อย่าวมาก

อย่างไรก็ตามการหารายได้จากสเปรดไม่ใช่แหล่งเดียว บริษัทนายหน้าบางแห่งต้องใช้ค่าคอมมิชชั่นสำหรับทุกสัญญาและพวกเขาจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับการเปิดหรือปิดตำแหน่ง ในความจริงค่าคอมมิชชั่นเหล่านี้เกือบจะเหมือนกับกำไรจากสเปรด 

ในตัวอย่างข้างต้น บริษัทนายหน้าอาจให้ใบเสนอราคาระหว่างธนาคารแก่ลูกค้าโดยไม่บวกเพิ่มกับสเปรดคู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและเยน (USD / JPY) -104.75 / 104.77 อย่างไรก็ตามคนกลางอาจเรียกเก็บเงิน 19 ดอลลาร์แต่ละดีล ทั้งสองกรณีรายได้เท่ากัน แต่โบรกเกอร์บางรายเพิ่มสเปรดและเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น ในความเป็นจริงมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่บริษัทจะเพิ่มสเปรดหรือไม่ก็ตาม ความจริงก็คือราคาซื้อขายมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและเทรดเดอร์ไม่ได้รับแจ้งเกี่ยวกับขนาดของสเปรดระหว่างธนาคาร

แหล่งที่มาของรายตามที่กล่าวไว้ข้างต้นเป็นไปได้เฉพาะกรณีที่เทรดเดอร์ทำข้อตกลงด้วยการใช้ล็อตฟอเร็กซ์มาตรฐาน ถ้าเทรดเดอร์ใช้มินิล็อตหรือไมโครล็อต บริษัทนายหน้าไม่สามารถโอนเงินจำนวนเล็กน้อยดังกล่าวผ่านธนาคารในระดับระหว่างธนาคารได้ 1 มินิล็อตคือ 10,000 ดอลลาร์ขณะที่ 1 ไมโครล็อตเท่ากับ 1,000 ดอลลาร์

ขนาดข้อตกลงขั้นต่ำที่ระดับระหว่างธนาคารคือ 100,000ดอลลาร์ ในกรณีนี้ประมาณ 95% ของเทรดเดอร์มือใหม่จะเสียเงิน เหตุผลหลักคือความตั้งใจที่จะหาเงินให้ง่าย

พวกเขาไม่ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดตลอดจนเครื่องมือทางการตลาดและอิทธิพลของตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจต่ออัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงิน ดังนั้นการซื้อขายฟอเร็กซ์จึงกลายเป็นรูเล็ต ตามปกติแล้วเทรดเดอร์ส่วนนี้ชื่นชอบมินิล็อตหรือไมโครล็อต นั่นคือเหตุผลที่บริษัทนายหน้าไม่ทำธุรกรรมที่เป็นข้อตกลงทุนที่เล็กน้อยเช่นนี้ในระดับระหว่างธนาคาร ถ้าเทรดเดอร์ปิดตำแหน่งของตนเองในมินิล็อตหรือไมโครล็อตที่ขาดทุน ผลรวมของการสูญเสียจะได้รับจากบริษัทนายหน้าจะป็นรายได้ อย่างไรก็ตามในกรณีที่ประสบความสำเร็จ บริษัทจะจ่ายผลกำไรของเทรดเดอร์ 

การดำเนินการของเทรดเดอร์ไม่สามารถก่อให้เกิดการล้มละลายของโบรกเกอร์เนื่องจาก 95% ของมือใหม่จะสูญเสียเงินไป ในขณะเดียวกันเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์อีก 5% ที่เหลือไม่สามารถทำเงินได้มากจนทำให้บริษัทล้มละลาย ตัวอย่างเช่นลูกค้าของบริษัททุกคนมีเงินรวมในบัญชีซื้อขายของตนเท่ากัน กรณีนี้กำไรของ 5% ต้องเพิ่มขึ้น 19 เท่า กล่าวอีกนัยหนึ่งมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย นอกจากนั้นหากเทรดเดอร์มีผลลัพธ์ที่ดีในการซื้อขายด้วยมินิล็อต พวกเขาจะเปลี่ยนไปใช้ล็อตมาตรฐานในไม่ช้า ดังนั้นบริษัทจึงจ่ายเงินจากงบของบริษัทและดูแลการดำเนินการในสกุลเงินจากทางธนาคาร

บริษัทส่วนใหญ่ไม่แจ้งให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับแหล่งที่มารายได้ตามที่เราได้อธิบายไว้ก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่อ้างว่าการเคลื่อนไหวของเงินเกิดขึ้นในระดับระหว่างธนาคารและขนาดล็อตไม่มีความสำคัญ อย่างไรก็ตามสามัญสำนึกและเหตุผลเพื่อทำความเข้าใจทำให้เราได้ข้อสรุปที่ตรงกันข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทรดเดอร์ส่วนใหญ่สูญเสียเงินพวกเขาในช่วงเริ่มต้นอาชีพการซื้อขายของพวกเขา ในความเป็นจริงมันเป็นไปได้ที่จะสร้างรายได้จากฟอเร็กซ์ แน่นอนว่ามันมีความเสี่ยงและต้องใช้ความรู้,ทักษะและประสบการณ์มากมาย

สามารถใช้อัตราดอกเบี้ยของธนาคารเพื่อหารายได้เพิ่มเติมของบริษัทนายหน้า เราได้กล่าวถึงเรื่องนี้แล้วในบทก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามรายได้ค่อนข้างน้อย เทรดเดอร์ควรเปิดสถานะไว้เป็นระยะเวลานานเพื่อนำเงินไปยังบริษัทนายหน้า อย่างไรก็ตามมันจะทำกำไรได้มากกว่าเมื่อเทรดเดอร์เปิดและปิดสัญญาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งมากก็ยิ่งดี ดังนั้นรายได้จากอัตราดอกเบี้ยธนาคารจึงออกมาน้อยกว่าค่าคอมมิชชั่นและสเปรด

อย่างที่เราเห็นได้ว่า บริษัทนาหน้าที่อยู่ในสถานะที่ดีกว่าเทรดเดอร์ พวกเขามีรายได้ที่สม่ำเสมอและกิจกรรมทางธุรกิจของพวกเขาค่อนข้างประสบความสำเร็จ บริษัทนายหน้าจะได้รับผลกำไรจากสเปรด, ค่าคอมมิชชั่น, อัตราของธนาคาร, สัญญาที่ไม่ประสบความสำเร็จของลูกค้าที่ซื้อขายด้วยมินิล็อตและไมโครล็อต รายได้ของเทรดเดอร์มักจะมีขีดจำกัด เฉพาะสัญญาที่ทำกำไรได้จากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน (การเก็งกำไรสกุลเงิน) และในบางกรณีอัตราของธนาคาร อย่างไรก็ตามการซื้อขายฟอเร็กซ์เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก ถ้าเราพิจารณากิจกรรมประเภทนี้ว่าเป็นงาน ไม่ได้เป็นเกม เราสามารถได้รับผลกำไรที่มั่นคงและสูง ผลตอบแทนในกรณีดังกล่าวอาจสูงกว่ากำไรจากการลงทุนทางการเงิน, พันธบัตรและเงินลงทุน หากคุณยอมแพ้ต่อสิ่งเร้า และเริ่มต้นซื้อขายฟอเร็กซ์โดยไม่มีความรู้และทักษะที่เพียงพอ ก็จะมีโอกาสมากที่คุณจะสูญเสียเงินของคุณอย่างมาก เราได้ให้ข้อมูลโดยละเอียดอย่างมากแก่คุณ ตอนนี้ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าจะทำอย่างไร